เมนู

ตระกูลและโภคะของพวกเรา มาให้แก่เจ้า" ก็ยังนอนกล่าวอย่างนั้น
เหมือนกัน.

อุคคเสนได้นางนักฟ้อนสมประสงค์


ลำดับนั้นบิดาของเขา แม้อ้อนวอนเป็นอันมาก เมื่อไม่สามารถจะ
ให้เขายินยอมได้ จึงเรียกสหายของนักฟ้อนมา ให้ทรัพย์พันกหาปณะแล้ว
ส่งไปด้วยสั่งว่า " ท่านจงรับเอากหาปณะเหล่านี้แล้ว ให้ลูกสาวของท่าน
แก่บุตรชายของฉันเถิด."
นักฟ้อนนั้นกล่าวว่า " ข้าพเจ้ารับเอากหาปณะแล้วก็ให้ไม่ได้; ก็ถ้า
ว่าบุตรชาย (ของท่าน) นั้น ไม่ได้ลูกสาว (ของข้าพเจ้า) นี้แล ไม่อาจ
จะเป็นอยู่ไซร้, ถ้ากระนั้น บุตรของท่านจงเที่ยวไปกับด้วยพวกข้าพเจ้า
เถิด, ข้าพเจ้าจักให้ลูกสาวแก่เขา." มารดาบิดาบอกความนั้นแก่บุตรแล้ว.
เขาพูดว่า " ฉันจักเที่ยวไปกับพวกนักฟ้อนนั้น" ไม่เอื้อเฟื้อถ้อยคำของ
มารดาบิดาเหล่านั้น แม้ผู้อ้อนวอนอยู่ ได้ออกไปยังสำนักของนักฟ้อน
แล้ว.
นักฟ้อนนั้น ให้ลูกสาวแก่เขาแล้ว เที่ยวแสดงศิลปะในบ้านนิคม
และราชธานี กับด้วยเขานั่นแหละ.
ฝ่ายนางนั้น อาศัยการอยู่ร่วมกับบุตรเศรษฐีนั้น ต่อกาลไม่นาน
นักก็ได้บุตร เมื่อจะเย้าบุตรนั้น จึงพูดว่า " ลูกของคนเฝ้าเกวียน, ลูก
ของคนหาบของ, ลูกของคนไม่รู้อะไรๆ."
ฝ่ายบุตรเศรษฐีนั้น ขนหญ้ามาให้โคทั้งหลาย ในที่แห่งชนเหล่านั้น
ทำการกลับเกวียนพักอยู่แล้ว, (และ) ยกเอาสิ่งของที่ได้ในที่แสดงศิลปะ
แล้วนำไป, นัยว่า หญิงนั้นหมายเอาบุตรเศรษฐีนั้นนั่นเอง เมื่อจะเย้าบุตร

จึงกล่าวอย่างนั้นนั่นแล. บุตรเศรษฐีนั้นทราบความที่นางขับร้องปรารภ
ตน จึงถามว่า " หล่อนพูดหมายถึงฉันหรือ ?"
ภรรยา. จ้ะ ฉันพูดหมายถึงท่าน.
บุตรเศรษฐี. เมื่อเช่นนั้นฉันจักหนีละ.
นางกล่าวว่า " ก็จะประโยชน์อะไรของฉัน ด้วยท่านผู้หนีไปหรือ
มาแล้ว " ดังนี้แล้ว ก็ขับเพลงบทนั้นนั่นแลเรื่อยไป.
ได้ยินว่า นางอาศัยรูปสมบัติของตน และทรัพย์ซึ่งเป็นรายได้ จึง
มิได้เกรงใจบุตรเศรษฐีนั้น ในเรื่องอะไร ๆ.
บุตรเศรษฐีนั้น คิดอยู่ว่า "นางนี้ มีการถือตัวเช่นนี้ เพราะอาศัย
อะไรเล่าหนอ ?" ทราบว่า " เพราะอาศัยศิลปะ" จึงคิดว่า " ช่างเถิด,
เราก็จักเรียนศิลปะ " แล้วก็เข้าไปหาพ่อตา เรียนศิลปะอันเป็นความรู้ของ
พ่อตานั้น แสดงศิลปะ ในบ้านนิคมเป็นต้นอยู่ มาถึงกรุงราชคฤห์โดย
ลำดับ ให้ป่าวร้องว่า " ในวันที่ 7 แต่วันนี้ บุตรเศรษฐีชื่ออุคคเสน
จักแสดงศิลปะแก่ชาวพระนคร."

อุคคเสนแสดงศิลปะ


ชาวพระนคร ให้ผูกเตียงซ้อนๆ กันเป็นต้นแล้ว ประชุมกันใน
วันที่ 7.
ฝ่ายอุคคเสนนั้น ได้ขึ้นไปสู่ไม้แป้น (สูง) 60 ศอก ยืนอยู่บนปลาย
ไม้แป้นนั้น.
ในวันนั้น พระศาสดาทรงตรวจดูสัตวโลก ในเวลาใกล้รุ่ง ทรง
เห็นอุคคเสนนั้น เข้าไปในข่ายคือพระญาณของพระองค์ จึงทรงใคร่-